10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เกาะหลีเป๊ะ

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เกาะหลีเป๊ะ

วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวน่ารู้ของเกาะหลีเป๊ะ เผื่อใครอยากจะไปชาร์จพลังละก็ จะได้มีหลีเป๊ะเป็นหนึ่งในตัวเลือกนะคะ

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเกาะหลีเป๊ะ

1. เกาะหลีเป๊ะ

เป็นเกาะกลางทะเลตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูล ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย เกาะหลีเป๊ะ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าชื่อหลีเป๊ะมาจากอะไร หลีเป๊ะเป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษามาลายู คำว่า “นิปัส” ซึ่งมีความหมายว่าบาง หรือแบนเรียบเหมือนแผ่นกระดาษ ก็เพราะว่าเกาะหลีเป๊ะนั้นมีลักษณะแบนราบ ไม่ค่อยจะมีภูเขาสูงมากมายนัก

ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นว่าเกาะหลีเป๊ะมีลักษณะเหมือนกับบูมเมอแรง เกาะหลีเป๊ะมีชายหาด ที่มีทรายขาวเนียนนุ่ม ทางฝั่งตะวันออก ที่เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวเล ชาวพื้นเมืองเดิม เป็นกลุ่มอุรัก ลาโว้ย ซึ่งมีวิถีชีวิตเรียบง่ายประกอบอาชีพประมง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรียนรู้ความเป็นอยู่ของวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง มาเกาะหลีเป็ะ ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของชาวพื้นเมืองบนเกาะ และทัศนาวัฒนธรรมประเพณีต่างๆของชาวเกาะได้ด้วย

2. เกาะตะรุเตา

เคยเป็นทัณฑสถานกักกันนักโทษตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2481 เคยมีการกักกันนักโทษมากถึง 4,000 คน ต่อมาในปี พ.ศ.2516 ได้มีการประกาศให้เป็นอุธยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน 51 เกาะตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน บริเวณช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ในพื้นที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล

เมื่อเราไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ก่อนที่จะนั่งเรือรอบ 11.30 และ รอบ 13.30 เพื่อไปเกาะหลีเป๊ะ เรือจะพาผู้โดยสารแวะที่เกาะตะรุเตา หรือเกาะไข่ แล้วแต่ตามความต้องการ หรือตามความสะดวกของช่วงเวลาเดินเรือ

เช็ครอบเรือไปกลับเกาะหลีเป๊ะ – ปากบารา กด

3. เกาะอาดัง ราวี

เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติตะรุเตา พื้นที่บางส่วนจะเป็นหาดทรายขาวละเอียด เหมาะกับการดำน้ำตื้น พื้นที่รอบเกาะเป็นเทือกเขาสูงคลอบคลุม เนื้อที่เกือบทั้งหมดของเกาะ จะมีพื้นที่ราบแค่บริเวรเหนือชายหาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในเกาะอาดัง จะมีที่พักและร้านอาหารของอุทยานฯ มีการปั่นใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 6 โมงเย็น – 6 โมงเช้าเท่านั้น เกาะอาดัง ราวี จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบความเงียบสงบ อยากพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ

นอกจากนี้ในเกาะอาดัง ยังมีจุดชมวิวที่ท้าทายนักผจญภัยอีกด้วย ก็คือผาชะโด เป็นผาสูงใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 40 นาที ผาชะโดในอดีตเป็นจุดสังเกตการณ์ของโจรสลัดเพื่อเข้าโจมตีเรือสินค้า

แต่ปัจจุบันเป็จุดชมวิวทิวทัศที่สวยงาม ข้างบนผาชะโดมีลักษณะเป็นลานโล่งมองลงไปจะเห็นทิวสนเขียวขจี เห็นแหลมทรายสีขาวของเกาะอาดัง มองเห็นเกาะหลีเป็ะ และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วย และยังมีน้ำตกที่มีน้ำตลอดปี ชื่อน้ำตกโจรสลัด

หากคุณชอบความสงบ ชอบบรรยากาศแบบดิบๆละก็ ต้องลองไปพักที่เกาะอาดัง – ราวี โดยนั่งเรือไปเพียงประมาณ 10 นาทีจากเกาะหลีเป๊ะเพราะอยู่ใกล้กันมาก ส่วนเกาะราวี อยู่ห่างจากเกาะอาดังเพียง 5 นาที เป็นจุดเล่นน้ำ และดำน้ำของนักท่องเที่ยว แต่ไม่มีที่พักในเกาะราวี

4. ถนนคนเดิน หรือ Walking Street Lipe

เป็นถนนคอนกรีตทอดยาวจากด้านหน้าเกาะไปถึงด้านหลังของเกาะหลีเป๊ะในเส้นทางจะมีร้านอาหาร บาร์ ร้านยา ร้านสะดวกซื้อ สปา และที่พักอีกมากมาย มีร้านขายของที่ะลึกที่มีความเป็นสไตล์เฉพาะของหลีเป๊ะด้วย

5. หาดพัทยา

เป็นหาดทรายขาวเนียนนุ่มอยู่ในฝั่งตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ ที่เรียกว่าหาดพัทยา จริงๆแล้วเป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “หาดปะไตตายา” ในภาษามาลายู ในหาดพัทยา ก็จะมีรีสอร์ทที่พักเรียงรายอยู่มากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยว และมีร้านอาหารสำหรับดินเนอร์ชิลๆยามค่ำคืน

Chareena Hill Beach Resort Lipe

แพ็คเกจ2วัน1คืน ซีทัช รีสอร์ท เกาะหลีเป๊ะ

6. หาดซันไรส์

ที่มีชื่อว่าหาดซันไรซ์เพราะเป็นหาดที่หันหน้าไปฝั่งที่พระอาทิตย์ขึ้น หาดนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะหลีเป๊ะ เป็นหาดที่จะมีลมพัดเข้าหาฝั่งตลอดในช่วงไฮซีซั่น จึงไม่ค่อยมีเรือมาจอดที่หาดแห่งนี้ รวมถึงไม่มีสถานบันเทิงเท่าหาดพัทยา หาดซันไรซ์ จึงค่อนเงียบข้างสงบ

Cabana Lipe Beach Resort

7. หาดซันเซ็ท

เป็นหาดตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะหลีเป๊ะ ตัวหาดกว้างขวาง ทอดยาวหันหน้าไปทางตะวันตก จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากของเกาะหลีเป๊ะ มีที่พักน้อย ค่อนค่างเงียบสงบ

หาดซันเซ็ต เกาะหลีเป๊ะ

8. ช่วงไฮซีซัน เกาะหลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะ ไฮซีซั่น หรือฤดูการท่องเที่ยวของเกาะหลีเป๊ะ คือในช่วงกลางเดือนตุลาคม ถึง กลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศเหมาะแก่การเที่ยวทะเล ไม่มีคลื่นลมมรสุม น้ำทะเลใสปะการังผลิดอกสีสันสวยงาม แต่อาจมีราคาที่พักค่อนข้างสูงในช่วงไฮซีซั่น เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันอย่างคับคั่ง

แต่หากชอบความสงบ และได้ที่พักราคาที่ถูกลงมาก แนะนำให้เที่ยวเกาะหลีเป๊ะในช่วง โลวซีซั่น แต่อาจต้องเลือกวัน ดูพยากรณ์ดินฟ้าอากาศให้ดี และสถานบันเทิง หรือที่พักบางแห่งก็ปิดให้บริการ แต่ก็เป็นการได้ซึมซับบรรยากาศบนเกาะได้อย่างเต็มที่ในแบบเงียบสงบ

เกาะหลีเป๊ะ

9. ทริปดำน้ำ เกาะหลีเป๊ะ

แน่นอนว่ามาเที่ยวทะเล สิ่งที่จะขาดไม่ได้ ก็คือการผจญภัยในโลกใต้น้ำ เกาะหลีเป๊ะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และสมบูรณ์ของปะการัง และเหล่าปลาน้อยใหญ่มากมายอยู่ใต้ทะเลหลีเป๊ะ เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ได้เลยกับทริปดำน้ำดูปะการังตามจุดต่างๆ โดยทริปดำน้ำจะมีด้วยกัน 2 โซน คือโซนใน และ โซนนอก แต่ละโซนจะมีจุดดำน้ำ และความสวยงามของปะการังที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมไปโซนใน จุดดำน้ำโซนในก็จะเริ่มที่ เกาะอาดัง – เกาะราวี – เหาะหินงาม – เกาะยาง – ร่องน้ำจาบัง -หาดทรายขาว แต่ละที่ก็มีความสวยงามแตกต่างกัน

แต่ที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้ ที่ห้ามพลาด คือร่องน้ำจาบัง เป็นจุดดำน้ำที่กระแสน้ำค่อนข้างไหลแรง แต่มีเชือกล้อมล้อมและเรียงร้อยไว้ให้นักท่องเที่ยวจับตลอดแนวตอนดำน้ำ แต่ที่เป็นไฮไลท์ก็คือ ปะการังอ่อนเจ็ดสีที่สวยงามมาก จะพบได้ก็จากการดำน้ำลึก แต่ปะการังอื่นๆก็สีสันสวยสดใสไม่แพ้กัน รองจากจาบังที่พลาดไม่ได้อีกที่ก็คือ เกาะหินงาม ที่พื้นที่บริเวณเกาะ จะเป็นหินสีดำขลับ ยิ่งเวลาโดนน้ำจะเงางามสวยมาก แต่ไม่ว่าจุดดำน้ำที่ไหนๆ นอกจากปะการังสีสันสดสวย น้ำทะเลสีเขียวครามสดใสแล้วยังมีเหล่าปลาน้อยใหญ่ เช่นปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และปลาอื่นๆอีกมากมาย จะมาคอยเวียนว่ายอย่างใกล้ชิดตอนที่นักท่องเที่ยวดำน้ำ

ทริปดำน้ำโซนนอก

ทริปดำน้ำโซนนอก+ใน เกาะหลีเป๊ะ

ทริปดำน้ำโซนใน เกาะหลีเป๊ะ

10. การเดินทางมาเกาะหลีเป๊ะ

นักท่องเที่ยวที่มากจากต่างจังหวัด หากเป็นทางเครื่องบิน ก็มาลงที่สนามบินหาดใหญ่ แล้วนั่งรถสองแถวมาลงที่ตลาดเกษตร และต่อรถตู้ หาดใหญ่-สตูล-ปากบารา ประมาณชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง มาที่ท่าเรือปากบาราแล้วนั่งเรือต่อไปเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งห่างจากฝั่งที่ท่าเรือปากบาราประมาณ 62 กิโลเมตร นั่งเรือไปถึงเกาะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง ถ้าหากนักท่องเที่ยวนำรถส่วนตัวมา ก็ขับมาท่าเรือปากบารา จะมีที่สำหรับฝากรถบริการอยู่ นอกจากเกาะหลีเป๊ะแล้ว ในตัวเมืองสตูลและอำเภออื่นๆ ก็ยังมีสถาณที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย